vendredi 13 avril 2018

Humanitarian aid's report after the 1st operation.


Humanitarian aid

After the 1st operation 

รายงานหลังจากผลการผ่าตัด


Suratchana is 35 years old. She takes care, alone, of her two daughters. Ten years ago, her husband left after the birth of the youngest girl. Since her childhood, she had problems with her sight. When she was a little girl, she couldn’t see properly .Then, in her 4th year at primary school; she couldn’t see enough to study. She just saw lights and shadows.
  สุรัชนา อายุ 35 ปี เธอเลี้ยงลูกสาวสองคนมาด้วยตัวเองมา ตั้งแต่ สิบปีมาแล้วที่สามีแก่ทิ้งเธอไว้กับลูกๆ และตั้งแต่ ลูกคนเล็กเกิด  สุรัชนามีปัญหาเกี่ยวกับสายตามาตั้งแต่เด็กๆ เธอมองไม่ค่อยจะเห็น และหลังจากอยู่ชั้น ป4 สายตาเธอมองแทบไม่เห็น และเห็นแค่รางๆ อย่างเช่นเงาและแสงสว่าง และในระยะนั้น มันเป็นการยากมากที่จะรักษาตา และตอนเราพบเธอครั้งแรก ในปี คศ 2009 เพื่อส่งลูกสาวของเธอคนโตเรียนหนังสือ เห็นเธอนั่งอยู่ตลอดเวลา และจะมีคนช่วยนำทางเธออยู่เมื่อจะย้ายไปที่ไหนต่อไหน
At that time in Thailand, she couldn’t get a treatment. When we met her for the first time in 2009, for the sponsorship of her oldest daughter, she had remained seated and she couldn’t move without the help of a third party.
In 2013, after a sponsorship for her second daughter was asked, her state questioned us. We knew she couldn’t work and that these three people were dependent on the grandparents. It was a completely penniless family.
This family was very reliable; she had an educational and moral code.
The grandparents have adopted Manita, at that time a baby, they looked after her while her biological mother has “forgotten” to visit her! Manita is twenty today.
นปี คศ 2013 ลูกสาวคนเล็กขอทุนการศึกษา พวกเราเห็นว่าอาการของเธอเกี่ยวกับสายตาทำให้เราเป็นห่วงมาก เพราะเรารู้ว่าเธอจะไม่มีโอกาศได้งานทำ และพวกเราเห็นว่าเธอและครอบครัวอยู่ในความดูแลเลี้ยงดูจากพ่อแม่ และมันทำให้นพ่อแม่ของเธอต้องลำบากมากขึ้น ครอบครัวนี้เป็นเป็นครอบครัวที่ขยั้นและเอาจริงเอาจัง ทั่งเรื่องการศึกษาหรือเรื่องความวางตัว พ่อแม่ของเธอเป็นคนที่เอาเด็กชื่อว่า มานิตามาเลี้ยงตั้งแต่เป็นเด็กทารก ตอนแรกก็เป็นแม่เลี้ยง แต่แม่ผู้ให้บังเกิดของเด็ก ปล่อยเด็กทิ้งและหนี้ไป จนตอนนี้ มานิตาอายุได้ 20 ปีแล้ว
We have asked Suratchana to give us more information on her sight problems. Medical treatment is so expensive for poor families that they accept that fact as a fatality. We ask her with the help of Kou Modt, our correspondent and teacher at the school, to undertake medical examinations that will be paid by our organization. Suratchana started with Ban Mi hospital which was the nearest, situated in the sub-prefecture, ten kilometers away. They weren’t competent enough to help her. Same thing at the hospital of Lopburi, the prefecture and finally at Saraburi.
พวกเราถามรายระเอีอดเกี่ยวกับปัญหาเรื่องสายตาของสุรัชนา การรักษานั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะครอบครัวที่ยากจนอย่างนี้ไม่มีทางที่จะไปรักษาตัวได้ พวกเราจึงขอร้องให้ครูมด อาจรรย์ และผู้แทนของพวกเรา เพื่อส่งไปตรวจสอบ และทางสมาคมจะเป็นผู้จ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกี่ยวกับการตรวจรักษา โดยเริ่มทำการตรวจที่โรงพยาบาล บ้านหมี่ ซึ่งอยู่ 10 กมจากบ้านซึ่งอยู่ในตัวอำเภอ แต่ไม่ได้ผลหมอทำไม่ได้ เลยไปตรวจที่โรงพยาบาลในจังหวัดลพบุรี และสระบุรี่ แต่ได้ไม่ได้ผล

The only thing left to do was going to Bangkok hospitals. Her visits there were quite an adventure .Blind in the rice fields; her only point of reference was birds and cocks songs. Here she was, in the capital city with the pollution and the noise of the traffic! First city in the world for traffic (any kind of vehicules). Her mother, a very smart woman went with her. I can imagine Suratchana, shrinking in a chair in front of the “big doctors”. They are able to find what her problem is but no cure is possible at the moment. We ask her to remain aware.
จึงหวังว่าจะได้ไปปรึกษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ  การพบหมอครั้งแรกรู้สึกว่าจะมีความหวังบ้าง การมารักษาตัวที่กรุงเทพฯ ในฐานะของผู้หญิงบ้านนอกท้องนามันไม่ใช่ของง่ายนัก เพราะการเคยอยู่ในท้องนาที่มีแต่เสียงของนก และไก่ขัน จุ่ๆก็มาอยู่ในเมืองหลวง ที่มีแต่ฝุ่นและกลิ่นควันท่อไอเสียของรถ พร้อมด้วย เสียงรถยนต์เต็มไปหมด  เธอต้องเดินทางไปกับคุณแม่ ที่พอจะมีความรู้และผสพการพอสมควร และรู้จักอะไรในชีวิตดี ฉันก็พอจะมีความจินตนาการไว้ว่า สุรัชนานั่ง บนโซร์ฝา ต่อหน้าศาสตราจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ อย่างสงบเสงียมเจียมตัว ท่านบอกว่าพอจะมีการแก้ปัญหาได้ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจทำอะไรไปในระยะแรก และบอกให้รอไปก่อนเผื่อว่าจะมีวิธีที่รักษาที่ดีกว่านี้ 

Three years later, hope is back! Something is happening in the big city!
Medical technology has evolved. Travels-examinations in Bangkok going there by train, painful and long and dangerous among the rushing crowd!
Finally she will be driven there by neighbors. Now she goes to an eye specialist:2500 B ( 70 euros)per visit for 20 minutes .At that time, a month salary is 200 euros.
3 ปีหลังจากนั้น ความหวังก็รู้ศึกจะค่อยๆมีแสงสว่างขึ้น  มันมีการรักษาใหม่ๆเข้ามาสู่ประเทศ หลายอย่าง รวมทั้งการรักษาทางแพทย์ แฝนใหม่ การเข้าไปตรวจที่กรุงเพทฯโดยทางรถไฟมันใช้เวลา มาก และเป็นที่ลำบากต่อคนตาบอดที่เดินทางร่วมกับผู้โดยสารอื่นๆ ซึ้งมันอาจจะเกิดอุปติเหตุได้ และผลสุดท้าย ทางครอบครัวของเธอหาคนแถวๆบ้านเพื่อเป็นคนนำพาไปทุกๆครั้งที่หมอนัด โดยจ่ายค่าน้ำมันรถและค่าเสียเวลานิดหน่อย  และค่านัดพบหมอแต่ละครั้งตก ราคา 2500 บาท ต่อ20 นาที ซึ่งประมาณ 70 ยุโรในขณะที่ เงินเดือนขั้นต่ำในระยะนั้น ประมาณเดือนละ 200 ยุโร 

She goes there a lot, the professor is not always available, time goes by…
Then she has an operation on her left eye for a start. Result: she can see and recovers 70% of her sight. Unfortunately, she had an infection of the prosthesis and she’ll have to undergo expensive treatment during 18 months. She’ll have to bear the suffering, blood pressure in her eyes. We must wait, wait…We pay for all the bills.
ต้องใช้เวลาไปพบหมอหลายๆครั้ง และหมอไม่ค่อยจะว่างด้วย เวลาผ่านไป ถึงเวลาที่จะผ่านตัดดวงตาข้างซ้าย ในระยะแรก และผลที่ได้คือ เธอสามารถมองเห็นได้ 70 เปอร์เซ็นต์ แต่โชคร้ายไปหน่อยคือ ดวงตาเกิดมีการอักเศสและแพ้ยา และต้องใช้เวลารักษาเป็นเวลา 18 เดือน ค่ารักษาแพงมาก และเธอต้องทนเจ็บ เพราะมีแรงดันสูงในดวงตาอีก และต้องรอ และรออีก ในระหว่างที่รักษา ให้ดวงตาอยู่ในระดับเดิม และทางสมาคมเป็นคนจ่ายค่ารักษามาอยู่เรื่อยๆ

Then, this year, at the beginning of March, we meet her before leaving the village. Suratchana tells us her last analysis  are good, that she is ready and is waiting for the Thai Red Cross agreement to pay for her second operation.
และในเดือน มีนาคม นี้ ในระหว่างที่พวกเราไปเยี่ยมเธอก่อนที่จะจากมะขามเฒ่า สุพัชนา ได้บอกพวกเราว่า การตรวจสอบทุกอย่างอยู่ในขั้นดี และเธอก็พร้อมแล้วสำหรับการผ่านตัดดวงตาด้านขวา แต่เธอก็ต้องรอว่าทาง สภากาชาติไทย อนุมัติในการใช้จ่ายค่าผ่าตัดครั้งนี้ก่อน 

We are ready and we are looking forward to  her being able to live on her own in a free way .We ask her questions about the Red Cross: she is waiting !You have to be patient and wait for 5 years to receive an agreement and a financial help of an amount of only 15.000 bahts( 395 euros).
สำหรับพวกเรานั้น พวกเราพร้อมแล้วที่จะให้เธอได้มีโอกาศมีชีวิตอย่างคนทั่วๆไป และเป็นอีสระ เราจึงถามรายระเอียดกว่ากับ สภากาชาติไทย เธอบอกว่าตอนนี้กำลังอยู่ในจำนวนรายชื่อของคนไข้ด่างๆที่รอ และจะต้องรออย่างน้อยๆ 5 ปี เพื่อจะได้ทราบว่าจะอนุมัติให้หรือเปล่า และหากได้ ทางสภาชาติไทยจะจ่ายให้ในการผ่าตัดครั้งนี้ 15.000 บาท ซึ่งประมาณ 395 ยุโร



We think about that for a few seconds. In five years will the Red Cross still be able to help with that military government? Five years to wait, she will be 40 years old, then. Will our organization be able to help her in five- year time? The hell with the Red Cross in this situation! It‘s now or never! She is in good health and ready to do it. We can afford it. Let’s do it! Moving scene, I was sitting, she came to thank me and she bent on her knees, folded hands as tradition dictates. To the friends of the Old Tamarind I dedicate this pathetic moment: I was alone to receive it but I want to share it with you.
พวกเราไม่ต้องเสียเวลาตัดสินใจเลย  เพราะ 5ปี ในการรอของเธอนั้น และยังไม่แน่ด้วยซ้ำไปว่าเธอจะได้รับงบนี้ หรือไม่ โดยเฉพาะประเทศที่มีการปกครองด้วยทหารอย่างนี้  และถึงตอนนี้ เธอจะมีอายุได้ 40 ปี  เรายังไม่ทราบเหมื่อน กันว่าทางสมาคมเพื่อนๆมะขามเฒ่ามีโอกาศที่จะได้มารอช่วยเหลือเธอได้อีกหรือเปล่าในระยะนั้น ทำไมจะต้องรอไปให้เสียเวลาไปล่ะ ถึงเวลาแล้ว หากเราไม่ช่วยตอนนี้ เราก็ไม่แน่ใจหรือเปล่าว่าอีก 5 ปี เธอยังจะมีสุขภาพดีที่จะทำการผ่าตัดตาอีกหรือเปล่า  พวกเราจึงบอกให้ทำการติดต่อหมอเพื่อไปผ่าตัดทันที และไม่ต้องรออีกแล้ว ......ภาพที่เห็นอยู่ต่อหน้าฉันในขณะนั้น  ฉันจะไม่สามารถที่ จะเอามาบัญยายให้ทุกๆคนฟังได้ แต่ฉันก็ขอ แบ่งภาพนี้ให้แก่ทุกๆคน คือ.... ตอนนั้นฉันนั่งอยู่ สุรัขนา เรียบเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าฉัน และยกมือไหว้ทั่วหัวน้ำตาซึม พร้อมทั้งความยิ้นอย่างดีใจ เธอยกแขนมากอดฉันอย่างแนน และพึงพับเสียงสั่นๆว่าขอบคุณ ขอบคุณ มันเป็นภาพที่ฉันจะลืมไม่ได้ จึงขอเก็บมาฝากเพื่อนๆ มะขามเฒ่าทุกๆคน 
This second operation will cost approximately 2500 euros, if everything is ok… We are waiting for the date of the appointment. The last meal in Marolles, in October 2017, with its 195 guests had for motto    “Suratchana’s health”. The total benefit of that day is 7500 euros. We had never reached such a sum! Paying for the operation will have no consequences on the help given to the pupils because, as a piece of luck there will be loads of rice this year!
ค่าผ่าตัดครั้งนี้ ประมาณ 2500 ยุโร แต่จะยังไม่ร่วม ในกรณีย์ที่มีอาการแพ้ หรือมีปัญหาต่างๆที่อาจจะตามมาทีหลัง....  เมื่อปีที่ 2017 เราใด้จัดงานประจำปีจัดเลี้ยงอาหารไทยของสมาคม มีทั้งหมดผู้เข้ามาร่วมงาน 195 คน ในงานเราพูดถึงการช่วยเหลือ ในการผ่าตัดตาของ สุรัชนา และสุขภาพของเธอ และในวันนั้น เราได้รับเงินจากค่าอาหาร เงินขายของที่ระลึก และเงินบริจาก และเมื่อหักออกจากรายจ่ายแล้ว เหลือกำไรทั้งหมด 7500 ยุโร และเราไม่เคยได้รับรายได้เท่านี้มาก่อน... ฉนั้นในการเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องผ่าตัดและค่ารักษาตา ในกรณีย์นี้ จึงไม่มีปัญหากับสมาคม... รวมทั้ง ปีนี้ เด็กๆ ที่มะขามเฒ่าโชคดี ที่ พ่อแม่มี งานทำ มีนาทำและข้าวปลาอุดมสมบูรณ์ และได้ผลดีมาก จึงจะไม่ต้องจ่ายค่าอาหารกลางวันในปีนี้เช่น เหมือนกับเมื่อสองปีที่แล้วๆมาอีก...

Thank you for having faith in us! Together we are more efficient!
 พวกเราขอขอบคุณที่ทุกๆคนให้ความไว้วางใจในการตัดสินใจครั้งนี้  เหมือนกับสุภาสิตที่ว่า เราต่างคนต่างร่วมมือกันจะทำให้มีผลและประสิทธิภาพดีเลิด !     


Translated from Guy et Montri’s report by: Danièle MOREAU

vendredi 4 décembre 2015

After obscurity, hope is born

After obscurity, hope is born....
On our first trip to Thailand, Guy and Montri told us about Chanitporn, a little girl who still didn’t have a sponsor. She lived with her mother, who is blind, and her older sister, Pornapat, already sponsored by members of the Association des Amis du Vieux Tamarin. We were touched by her story. Without hesitation, we agreed to sponsor this child. We had already been candidate sponsors for quite a while. Of course, we wanted to see how Chanitporn lived, so we went to meet the family with some friends from the association. Chanitporn, her mother, Miss Surachana PIMPA,  and sister live together with grandparents, aunts and cousins. There is a great deal of mutual help within this poor family.
จากความมืดมลความหวังเริ่มเกิดขึ้น


นับว่าเป็นครั้งแรกที่พวกเราเดินทางไปเที่ยวเมืองไทย  กีย์ และ มนตรีบอกเล่าเรื่องของ เด็กหญิง ชนิภรณ์ คำพร ที่ยังไม่มีใครให้ทุนการศึกษา ที่อาศัยอยู่กับคุณแม่ (นาง สุรัชนา พิมพา)ที่ตาบอด และพี่สาวเธอ ที่ชื่อว่า พรนภัส คำพร ที่มีคนรับไว้อุปถัมถ์จาก สมาคม เพื่อนๆมะขามเฒ่าแล้ว พวกเราฟังเรื่องที่เล่ามาแล้ว ต่างก็มีความสงสารมาก พวกเราจึงสมัครรับเป็นพ่อแม่บุญธรรมเด็กโดยไม่ได้ ติดติตรองอะไรทั้งสิ้น เพราะถึงอย่างไร เมื่อก่อนหน้าที่จะเดินทางมาเที่ยว พวกเราพร้อมแล้วและสมัครที่จะรับส่งเด็กยากจนเรียนกับสมาคมนี้อยู่แล้ว แน่ละพวกเรายากจะไปเห็นสภาพการเป็นอยู่ของเด็กและครอบครัวด้วยสายตาของเราเอง เราไปพบกับครอบครัวนี้พร้อมๆกับเพื่อนของสมาคมที่เดินทางมาด้วยกัน  เราเห็น ว่าครอบครัวนี้อยู่ด้วยกันหลานๆคน เช่น ตา ยาย ป้า น้า และลูกๆหลานๆ และเราเห็นได้ว่าต่างคนต่างก็ช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี และอยู่กันไปตามประสาของครอบครัวที่ยากจน

We met this woman surrounded by her little daughters. Our feelings were strong as we saw this mother, with her blank eyes, smile as we arrived. Chanitporn had her arms around her mother’s neck while her sister,  Pornapat, was sitting by her side. Sadly, the mother could not see or even distinguish her daughters. She could only sense their presence. It was very moving. Because of her blindness, this mother living on her own (the father left several years ago) cannot work to support her family. Her situation is precarious; she receives a small monthly pension based on her affliction. The sponsorship of these two girls is a very good thing, but it isn’t enough to enable them to flourish. They have to share daily activities with their mother, like all the other children.

พวกเราเห็นและทำความรู้จักกับ นาง สุรัชนาแม่เด็กและลูกสาวของเธอทั้งสอง ทำให้เราตื้นตันใจมาก ที่เห็นสายตาของผู้หญิงที่เป็นแม่ยังอยู่ในวัยยังสาว เธอมองมาทางเราด้วยสายตาว้างแว้ง พร้อมกับรอยยิ้ม ในขณะที่ลูกสาวทั้งสองนั้งกอดคอแม่อยู่อย่างหน้าสังสาร เสียดายที่เธอตาบอดมองเราไม่เห็น และแม้แต่ลูกเธอทั้งสองคนก็จำได้แต่เสียงเท่านั้น สามีของเธอทอดทิ้งไปและปล่อยลูกทั้งสองให้อยู่กับเธอตามลำพังมาหลายปีแล้ว เธอไม่สามารถจะทำงานได้  แต่ก็ได้รับค่าเลี้ยงดูจากรัฐบาล เดือนละ 500 บาท การส่งลูกของเธอเรียนทั้งสองคนนั้น มันเป็นประโชนย์มาก สำหรับเธอและครอบครัวถึงแม้ว่าจะไม่พอสำหรับเลี้ยงชีพประจำวันก็ตาม ฉนั้นทุกๆคนต่างก็ช่วยกันทำงานรวมทั้งเด็กๆด้วย

Deeply affected by this situation, Guy and Montri suggested that this woman go through various ophthalmological examinations in Lopburi and the surrounding district. This was in 2013. The Association des Amis du Vieux Tamarin financed the cost of the examinations, as well as the expense of travel by taxi for her and an accompanying family member. Unfortunately, the results of these medical examinations produced little hope. Glaucoma was diagnosed, for which there is no cure and so no operation was envisaged. Eye drops were prescribed to try to slow down the damage. Following these discouraging examinations, the mother resigned herself to learning Braille and to take a massage-training course in 2014 with an association for the blind in Bangkok. She took advantages of these trips to the capital to consult other ophthalmologists.

พวกเราต่างก็สงสารและเห็นใจในฐานะการเป็นอยู่ของครอบครัวนี้ คุณกีย์และ คุณมนตรีจึงตัดสินใจให้แม่เด็กไปตรวจสายตา ดูว่าพอจะมีการผ่านตัดหายบ้างหรือเปล่า  เธอก็ไปตรวจตาตามที่ต่างๆแถวๆ จัดหวัด ลพบุรี และใกล้เคียง ในปี คศ 2013 โดยสมาคม เพื่อนๆมะขามเฒ่ารับอาสาจะจัดการจ่ายค่าใช้จ่ายให้ การไปตรวจต้องใช้รถ เท็กซี่ และต้องมีคนพาไปด้วย ผลสุดท้าย หมอบอก ตาเธอเป็น ต้อหิน ไม่มีความหวังที่จะทำการผ่าตัดได้ หมอให้เพียงแค่ยาสำหรับหยอดตาแค่นั้น  ต่อมา สุรัชนาจึงสมัครไปเรียนเป็นหมอนวดกับสมาคมสอนคนตาบอด โดยที่ทางสมาคมคนตาบอดจัดสอนให้ฟรี่ เพื่อจะได้นำเอาไปประกอบอาชีพได้บ้าง และในระหว่างที่เธอไปเรียน ที่กรุงเทพๆ เธอจึงถือโอกาสไปหาแพรทย์เกี่ยวกับสายตาโดยเฉพาะที่โรงพยาบาล รามา

In early 2015, medical advances allowed for the birth of new hope. An initial consultation was scheduled at the RAMA Hospital in Bangkok in May 2015 and as a result of this examination, an operation was planned. Several appointments followed to prepare for the first step, a cataract operation on August 18, 2015. Thanks to the success of this operation, the patient could see more light than before. At this point, the association decided to react and undertake all the expenses (approximately 29,500 bahts).

ในตอนปี คศ 2015 การแพรย์ มีประสิทธิภาพดีขึ้น คุณหมอนัดให้ไปรักษาตาที่โรงพยาบาล รามา และความหวังก็เริ่มจะเห็นเป็นลางๆ หลังจากตรวจสอบดูแล้ว คุณ หมอทำการผ่านตัดเล็นตา ก่อนผ่าตัดต้องมีการรักษาภายในดวงตารวมทั้งยาล้างตาต่างๆ  และวันที่ 18/08/2015 การผ่าตัดเปลือกของเล็นตาสำเร็จขึ้นได้อย่างดี คนป่วยเริ่มจะเห็นแสงสว่างเป็นรางๆ ค่าทำการผ่านตัดทั้งหมด 29 500 บาท ที่สมาคมจ่ายให้เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด




Treatment for the glaucoma remained. A new visit to the ophthalmologist, who proposed the implantation of replacement crystalline lenses in her eyes. This operation would enable her to recover 60% of her vision. The only problem remained the high cost of the operation (65,000 bahts), given that the lenses had to be ordered from the United States. Guy and Montri immediately shared the possibility of this new operation with the members of the association. They wanted to consult to see out if it was possible to pursue financial aid for these new medical expenses. The response was rapid. The Amis du Vieux Tamarin agreed to cover the cost of the glaucoma operation. The association sent 100,000 bahts to our representatives in Makhamtao to finance all the ophthalmological visits and the eye operation for this young mother. The operation took place in November. The results are very satisfactory and in the end she recovered 70% of her vision.

หลังจากนั้นก็มีการให้ยาแก้ต้อหิน หมอนัดไปพบใหม่ และบอกว่าถ้ามีการผ่าตัดและใส่เล็นในดวงตาจะมีความหวังที่จะเป็นประมาณ 60 % และการผ่าตัดจะต้องใช้เงินมาก คือประมาณ 65 000 บาท เพราะจะตั้งสั่งเล็นมาจากประเทศอเมริกา หลังจากรายงานผลให้ มนตรี และกีย์เสร็จ มนตรีและกีย์ นำไปปรึกษา สมาสิกของสมาคมเพื่อขอความเห็น ว่าจะช่วยเหลือต่อได้หรือเปล่า ผลที่สุดทุกๆคนตกลงช่วยเหลืออีก  มนตรี สั่งให้คุณครูมด ที่เป็นคนที่ทำรายงาน รายละเยีดดและติดตามผมในการผ่านตัดมาตลอด ให้อนุมัติใช้เงิน จำนวนนี้มาให้ช่วยในการผ่าตัดรักษาตา และไม่นานมานี้ การผ่าตัดก็ได้ผ่านไปได้อย่างดี และ ขณะนี้ ตาของคนป่วยสามารถมองเห็นแล้ว 70 %

This spirit of generosity shows the strength of the commitment of the Association des Amis du Vieux Tamarin, beginning with Guy and Montri, to the families of Makhamtao. Thanks to them, the lives of Surachana and her two daughters will change considerably.   

สมาคม ของเพื่อนๆมะขามเฒ่า และ มนตรีได้ให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือครอบครัวนี้เป็นอย่างดี และจากความช่วยเหลือของเขา และนับว่าเป็นบุญกุศลของ ผู้หญิงตาบอกได้มองดูโลกได้ แน่ล่ะต่อจากนี้ไป สภาพการเป็นอยู่ของ สุรัชนา และลูกของเธอเปลียนไปอย่างไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อน

English version by Laurie GRAHAM


แปลโดย มนตรี